วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

มะนาวดองน้ำผึ้ง สูตรลดหน้าท้อง


สูตร วิธีทำ มะนาวดองน้ำผึ้ง ดื่มแล้วลดหน้าท้องได้จริง


2 Votes

2016-09-11_20-46-19
๑. ล้างมะนาวให้สะอาด
๒. เอามาคลุกเคล้ากับเกลือป่นให้แตกมัน ลดขม
๓. จากนั้นนำมะนาวไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
๔. นำมะนาวผึ่งลมให้แห้ง
๕. นำมะนาวที่แห้งแล้วมาฝานเป็นชิ้นบางๆด้วยมีดคมๆ
๖. จัดเรียงในโถแก้วที่มีฝาปิดสนิด
๗. เทน้ำผึ้งลงให้ท่วมมะนาว
๘. ปิดฝาทิ้งไว้ สัก ๓ วัน หรือ หนึ่งอาทิตย์
๙. นำน้ำผึ้งที่ดองมะนาว ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุณหภูมิปกติ ( น้ำหมัก ๑ ช้อนโต๊ะ ต่อ น้ำหนึ่งแก้ว )
๑๐. ดื่มก่อนอาหารเช้า ๑๐ – ๑๕ นาที
และ ก่อนนอน ๑๐ – ๑๕ นาที
๑๑. รอดูความเปลี่ยนแปลงภายใน ๒ – ๓ เดือน
ว่าหุ่นสะลีมัดตั้ง จะกลายเป็นแอวบางฮ่างแค้วมั้ยสำหรับคนอ้วน
๑๒. สำหรับคนที่ไขมันเลวเกินค่าปกติ
๒ – ๓ เดือน ลองไปเจาะเลือดดู คุณหมออาจงง

ใครจะทำต้องระวังเวลาหั่นมะนาวไห้มากมีดเป็นของมีคมคนไม่ค่อยได้ใช้จะบาดมือได้…ต้องใช้อย่างมีสติให้มากๆนะ

๑.สูตรลดหน้าท้อง อันนี้ได้ผลจริงๆ จากที่ลองมาสารพัด ทั้งโยเกิร์ต น้ำผึ้ง มะนาว สูตรดีทอกซ์ลำไส้ก็ไม่ลงค่ะ เม็ดแมงลัก ก็ไม่ลง บุก พริกไทยดำ ส้มแขก ส้มป่อย สารพัดค่ะ ไม่ลดค่ะ แต่อันนี้ได้ผลค่ะ หน้าท้องลดลงค่ะ การขับถ่ายดีขึ้น ท้องไม่ผูกค่ะ ลองทำดูนะ

++วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้++
1. มะนาว 10 ลูก
2. น้ำผึ้ง ครึ่ง(ขวดเหล้า)
3. เกลือ 1ถุง
++วิธีทำก็คือ++
1 นำเกลือมาถูกับผิวมะนาวประมาณ5-10 นาทีค่ะ เพื่อล้างความขมของเปลือกมะนาว แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำแล้วพักทิ้งไว้ให้ผิวมะนาวแห้ง
2 หั่นเป็นแว่นๆค่ะ แล้วนำไปเรียงไว้ในขวดแก้ว แล้วก็นำน้ำผึ้งเทลงไปให้ท่วมมะนาว เสร็จแล้วปิดฝาให้สนิท
3 นำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา3วัน ก็ใช้ได้แล้วค่ะ นำมาชงดื่ม
++วิธีการชง มีดังนี้++
ตักมะนาวที่เป็นแว่นๆมา1-2 ชิ้น และตักน้ำผึ้งที่หมักไว้1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมกับน้ำอุ่น น้ำเย็น (ถ้าให้ดีต้องใช้น้ำอุ่น) ทานก่อนอาหารเช้า สักประมาณ 10นาที
ความรู้สึกที่ดื่มไปประมาณ1 อาทิตย์ โดยที่ไม่ได้ออกกำลังกาย คือ ระบบขับถ่ายดีขึ้นค่ะ หน้าท้องยุบลง ซึ่งตอนออกกำลังกายหน้าท้องจะไม่ค่อยลด น้ำหนักตัวจะลงมากกว่า
ต้องขยำเกลือจนมีน้ำเขียวๆออกมาจากเปลือกมะนาวเลยเดียวมันจะขม
มะนาวดองน้ำผึ้ง สูตรลดหน้าท้อง
รูปภาพของ วัดป่าสันติสุขญาณสัมปันโน ปัญญาธโรภิกขุ

………..ศ.นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีเเพทย์ศิริราช ส่งมาจึงส่งต่อให้เพื่อนๆค่ะ ทานน้ำด่าง ง่ายๆ ( น้ำมะนาวแช่ใส่น้ำเย็น/โซดา )
ตัดชิ้นบางๆ ของมะนาวใส่ในแก้วหรือ ในโถเหยือก แล้วดื่ม มันจะกลายเป็นน้ำที่มีความเป็นด่างสูงมาก
เชื้อโรคในร่างกาย ไม่สามารถเติบโตในสภาพที่มีความเป็นด่าง ดังนั้น การทานน้ำด่าง จึงช่วยทำลายเชื้อโรค ดื่มน้ำด่าง ทั้งวัน ทุกวัน จะทำให้มีสุขภาพดีขึ้นมาก
มะนาวให้ประโยชน์มหัศจรรย์ ดั่งที่ สถาบันทางวิทยาศาตร์อนามัย ระบุว่า นี่คือ ยาที่มีผลต่อมะเร็งดีเยี่ยมล่าสุดของโลก โปรดอ่านแล้วท่านตัดสินเองแล้วกัน
มะนาว เป็นผลิตผลที่มหัศจรรย์มากที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้เป็น 1หมื่นเท่า มากกว่า-เคโมเทอราฟี ..
ทำไมเราไม่รู้เรื่องนี้เลย เพราะว่าปฏิบัติการห้องแล็บส่วนใหญ่นั้น ไม่ยอมพูดเรื่องนี้เลย มันจะทำให้สูญเสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไป
เราท่านทั้งหลายสามารถช่วยเพื่อนท่านได้ ในการบอกให้เขาหรือเธอเหล่านั้น ว่า น้ำมะนาวนั้น มีประโยชน์ยิ่งในการป้องกัน โรคภัยไข้เจ็บ มีรสชาติที่ดี และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉีดคีโมฯ คนมากมายอาจตาย ในขณะที่ความลับที่ป้องกันมะเร็งนี้ได้ถูกเก็บงำเอาไว้ เพื่อไม่ให้ต้องการทำลายผลประโยชน์ นับล้านๆ ของบริษัทยาใหญ่ๆ
ทราบไหมว่า ต้นมะนาวนี้ (มะนาวแป้น มะนาวทุกชนิด) ท่านจะกินมะนาวเหล่านี้ในวิธีต่างๆก็ได้ เช่น กินเปลือก กินน้ำ หรือคั้น หรือเตรียมเป็นเครื่องดื่มใดๆ ก็ตาม แต่ที่เราชอบ และมันทำได้หลายอย่าง แต่ถ้าดื่มน้ำมะนาวผสมกับโซดา จะทำให้น้ำมะนาว ดูดซึมเข้าร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ที่น่าสนใจ คือ มันขจัด ซีด (ก้อนเนื้อร้าย) ..
ผลไม้ชนิดนี้ พิสูจน์แล้ววา สามารถต่อต้านมะเร็งได้ อย่างดีเยี่ยม มีคนกล่าวไว้ว่า
มันมีผลประโยชน์ สำหรับมะเร็งหลายชนิด
มันป้องกันการอักเสบของเชื้อแบตทีเรีย เชื้อราได้
มันสามารถที่จะต่อต้านพาราไซส์ที่อยู่ข้างใน
มันทำให้เกร็ดลือดที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป
เข้าสู่ภาวะปกติ
มันทำให้คลายเครียด
ต่อต้านโรคประสาท โรคฟุ้งซ่านได้ด้วย
ข่าวสารเรื่องนี้หน้าสนใจมาก มันมาจากบริษัทยาใหญ่หลายบริษัทในโลก ซึ่งมากกว่า 20 บริษัทได้ทำการทดลองเรื่องนี้ ผลการทดลองเปิดเผยออกมาได้ว่า มะนาวนี้สามารถทำลายมะเร็งเนื้อร้ายที่รุนแรง
ได้ถึง 12 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
– มะเร็งลำไส้เล็ก
– มะเร็งเต้านม
– มะเร็งต่อมลูกหมาก
– มะเร็งปอด
– มะเร็งตับอ่อน
ส่วนผสมของไซทัสหรือมะนาว มีความสามารถในการทำลายมะเร็งได้มากกว่ายาที่ใช้การทำคีโม ทำให้การเจริญเติบโตของเซลมะเร็งนั้นหยุดอยู่กับที่(คงที่)
นอกจากนี้ มันยังเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมาก การรักษาด้วยมะนาวนี้ สามารถทำลายต่อต้านมะเร็งได้อย่างรุนแรง โดยไม่มีผลข้างเคียง

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

สปาสมุนไพรไทย

การนวดท้องแบบที่เรียกว่า “ชิเนซัง-Shi-Nei-Tsang” ซึ่งดีมากต่อระบบการย่อยอาหาร และปลดปล่อยสารพิษในร่างกายของเรา ถ้าแปลตรงตัว Shi คือพลัง หรือ Energy ส่วน Nei Tsang ก็คือ Internal Organs หรือระบบภายในร่างกายของเรานั่นเอง “ชิเนซัง” เป็นศาสตร์การนวดที่ยึดแนวทางของจุดลมปราณต่างๆ ตามแบบฉบับลัทธิเต๋าของจีน โดยแต่ละจุดจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ทั้งทางกายภาพและจิตใจ อย่างสมมุติว่าเราเครียด เคยสังเกตไหมว่าหลายครั้งที่ท้องไส้จะปั่นป่วนจนสามารถเกิดอาการได้มากมาย ไม่ว่าจะท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสียก็ตาม ซึ่งก็แสดงว่าเกิดความขัดข้องตึงเครียดขึ้นกับลมปราณจุดต่าง ๆ ผู้นวดจะต้องศึกษาร่ำเรียนจนรู้จักแต่ละจุดเป็นอย่างดี รู้จักการ “เปิดประตูลม” เพื่อกำหนดทิศทางการไหลเวียนของโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีความเชื่อในเรื่องพลังลมปราณ เพื่อที่จะ “รับ” และ “ปล่อย” ในจังหวะที่ถูกต้องเหมาะสม ถ้ากำหนดให้สะดือเป็นจุดศูนย์กลางของพื้นที่หน้าท้องของเรา ลองนึกภาพการลากเส้นยาวในลักษณะแนวตั้งและแนวนอนจากสะดือขึ้น – ลง และ ซ้าย-ขวา พื้นที่ฝั่งค่อนไปทางซ้ายมือของภายในตัวเรา (เหนือสะดือเล็กน้อย) จะประกอบไปด้วยกระเพาะอาหารไตซ้ายและม้าม ส่วนทางขวา คือ ตับ ไตขวา โดยมีลำไส้เล็กกับลำไส้ใหญ่ขดตัวอยู่เกือบเต็มพื้นที่ทั้งหมด และสำหรับผู้หญิง ก็จะมีมดลูกกับรังไข่ ๒ ข้างอยู่ที่บริเวณท้องน้อยด้วย


ธาราบำบัด Aquatic Therapy


ธาราบำบัด
Aquatic  Therapy

ธาราบำบัด คือการนำคุณสมบัติของน้ำมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคหรืออาการผิดปกติต่างๆ โดยน้ำจะมีแรงลอยตัว ช่วยลดแรงกดต่อข้อต่อ และการเคลื่อนไหวช้าๆในทิศทางต่างๆน้ำจะเป็นเสมือนแรงพยุงช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ในขณะที่การเคลื่อนไหวในน้ำเร็วๆแรงๆนั้น ส่งผลให้น้ำกลายเป็นแรงต้านเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนั่นเอง

นอกจากความช้าเร็วในการเคลื่อนไหวแล้ว อุปกรณ์การออกกำลังกายทิศทางและวิธีการใช้อุปกรณ์ในแต่ละส่วนของร่างกาย ก็ให้ผลที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการเลือกใช้กระแสน้ำวนมาเป็นส่วนนึงของการฝึก ดังเช่น การฝึกเดินในทิศทางต่างๆท่ามกลางกระแสน้ำวนของผู้สูงอายุ จะช่วยฝึกการทรงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการล้มของผู้สูงอายุ

ไม่เพียงแต่เพื่อบำบัดรักษาเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม ฟื้นฟูการบาดเจ็บหลังผ่าตัด บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ข้อเข่าเสื่อม ปวดหลัง ปวดไหล่ …

จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของการออกกำลังกายบนบกและในน้ำสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากและผู้ที่มีปัญหาข้อเสื่อม นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของน้ำอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ แรงลอยตัว (buoyancy force) ซึ่งตามหลักอาร์คีมิดิส แรงลอยตัวจะมีค่าเท่ากับวัตถุที่จมอยู่ในน้ำ แรงลอยตัวนี้จะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกาย ดังนั้นหากอยู่ในน้ำลึก ระดับเอว น้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกายได้ประมาณ 50% ของน้ำหนักตัว และเมื่ออยู่ในน้ำลึกมากขึ้นน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักของร่างกายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
อีกคุณสมบัติอย่างหนึ่งของน้ำคือความหนืด (viscosity) ที่จะช่วยพยุงร่างกายไว้เมื่อมีการเซ ทำให้สามารถปรับสมดุลย์ได้ทันก่อนเกิดการล้ม

ผลงานวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุมีการทรงตัวดีขึ้น เมื่อมีการออกกำลังกายในน้ำอย่างสม่ำเสมอ 6 สัปดาห์

แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายในน้ำยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด